
คุณจะต้องเสียเวลาไปกับงานเอกสารที่น่าเบื่อหน่ายและขั้นตอนที่ซ้ำซากอีกนานแค่ไหน?
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ตอบแชทลูกค้าทั้งวัน หรือเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีระบบงานที่ซับซ้อน คุณคงเคยเจอกับปัญหาเหล่านี้ที่ทำให้การทำงานต้องสะดุด และทำให้พลาดโอกาสดี ๆ ไปเฉย ๆ ซึ่งมันคือการเสียโอกาสในการเติบโตของคุณ
แล้วถ้าหากคุณมี “พนักงานดิจิทัล” ที่ทำงานได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า พร้อมทำงานถวายหัวให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดล่ะ? ฟังดูเหมือนหนังไซไฟ แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงแล้ว ด้วยการทำงานร่วมกันของ 2 เทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนเกมธุรกิจทั่วโลก: AI Chatbot และ RPA (Robotic Process Automation) หรือเรียกแบบง่ายๆ ว่า “คู่หูอัจฉริยะ” ที่ช่วยจัดกากรปัญหาทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านได้แบบครบวงจรและจะนำพาองค์กรของคุณเข้าสู่ยุค Digital Transformation อย่างเต็มรูปแบบ
ทำความรู้จัก "ด่านหน้าอัจฉริยะ" - AI Chatbot ที่สามารถเข้าใจและพูดคุยได้เหมือนคนจริง ๆ
หลายคนอาจคุ้นเคยกับแชทบอทแบบเก่าที่ตอบได้ไม่รู้เรื่อง นั่นหมายความว่าแชทบอทจำนวกที่ตอบได้แค่คำถามเดิม ๆ หมดยุคไปแล้ว
ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือมันไปอยู่ตรงไหนก็ได้ที่ลูกค้าของคุณอยู่ หัวใจสำคัญที่ทำให้ AI Chatbot ทรงพลังได้ขนาดนี้คือความสามารถในการเป็น Omni-channel ที่สามารถเข้าไปอยู่ในทุกช่องทางที่ลูกค้าของคุณใช้งานอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น LINE Official Account, Facebook Messenger, Instagram , หรือ Live Chat บนหน้าเว็บไซต์ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการได้ทันทีโดยไม่ต้องเรียนรู้หรือติดตั้งแอปพลิเคชันใหม่ ซึ่งมันสามารถมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อและสะดวกสบายให้แก่ทั้งลูกค้า และช่วยให้คุณไม่ต้องเสียทั้งงบประมาณและเวลาเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่เพื่อใช้สื่อสารกับลูกค้าของคุณ
“ทีมงานหลังบ้าน ที่ทำงานเร็วกว่าใคร” - RPA ที่มาเป็นแขนขาให้แก่ AI Chatbot
เมื่อ AI Chatbot ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าพูดคุยสื่อสารกับผู้คน และแปลความหมายของเจตนาให้คุณแล้ว RPA (Robotic Process Automation) ก็คือทีมงานที่คอยทำงานเงียบ ๆ อยู่หลังบ้านอย่างขยันขันแข็งและทรงประสิทธิภาพ หรือที่เราอาจเรียกว่า "Digital Workforce"
RPA คือซอฟต์แวร์อัตโนมัติที่ทำงานแทนมนุษย์ในงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ RPA ชื่อก็บ่งบอกว่าเป็นหุ่นยนต์ซอฟต์แวร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบการทำงานของมนุษย์บนคอมพิวเตอร์ สามารถทำงานซ้ำๆ ที่มีกฎเกณฑ์ชัดเจนได้แบบอัตโนมัติ เช่น การล็อกอินเข้าระบบต่างๆ, การคัดลอก-วางข้อมูลระหว่างไฟล์ Excel และโปรแกรมอื่น, การกรอกฟอร์ม, การส่งอีเมล, หรือการดึงข้อมูลจากระบบหนึ่งไปใส่อีกระบบหนึ่ง ข้อดีของ RPA คือความเร็ว ความแม่นยำ 100% และความสามารถในการทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุด ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาด (Human Error) และช่วยปลดล็อคให้พนักงานมนุษย์สามารถไปทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และคิดเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น
เมื่อ Chatbot จับมือกับ RPA – กระบวนการก็ไหลลื่นแบบไม่ต้องหยุด
เมื่อเทคโนโลยีทั้งสองอย่างนี้ทำงานร่วมกัน ปาฏิหาริย์แห่ง Process Automation ก็จะเกิดขึ้น ให้คุณลองจินตนาการสถานการณ์นี้...
เมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้น Chatbot ส่งคำสั่งต่อให้ RPA ก็จัดการค้นหาสินค้าในระบบหลังบ้าน คัดเฉพาะสินค้าที่ตรงกับคำว่า “ผิวแพ้ง่าย” และ “ให้ความชุ่มชื้น” พร้อมเช็กสต็อกและโปรฯ ล่าสุด
จากนั้น Chatbot ก็ส่งลิงก์สั่งซื้อกลับไปให้ในแชท พร้อมรูปและราคา ทั้งหมดนี้...เกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที โดยไม่มีพนักงานคนไหนต้องมาคอยตรวจสอบสต็อกสินค้าและเสนอขายสินค้าให้แก่ลูกค้ารายนี้เลย และที่เจ๋งกว่านั้นคือ สามารถรองรับลูกค้าที่สอบถามเข้ามาพร้อม ๆ กันได้อย่างไม่จำกัดจำนวนอีกด้วย
(แอบบอกไว้นิดว่าก็ต้องแลกกับค่าบริการเซิร์ฟเวอร์ที่แพงขึ้นตามปริมาณการใช้งานนะ)
- AI Chatbot คือ "พนักงานต้อนรับ" ที่แสนฉลาด คอยรับเรื่องและทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าหรือพนักงาน
- RPA คือ "พนักงานปฏิบัติการ" ที่วิ่งไปจัดการงานหลังบ้าน (Back-office Automation) ตามคำสั่งที่ได้รับมาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
การผสานพลังนี้สร้างกระบวนการอัตโนมัติแบบ End-to-End ที่สมบูรณ์ ตั้งแต่การรับคำสั่งไปจนถึงการดำเนินการจนเสร็จสิ้น จากกระบวนการนี้ ธุรกิจไม่เพียงแค่ตอบคำถามลูกค้า แต่ยังสามารถสร้าง ประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience - CX) ที่น่าประทับใจผ่านการให้คำปรึกษาส่วนบุคคลและปิดการขายได้อัตโนมัติ แม้จะเป็นเวลานอกทำการก็ตาม
ใช้ได้แม้กระทั่งกับหน่วยงานภาครัฐและความมั่นคงของข้อมูล
เคสที่ยกตัวอย่าง คือ การเข้าถึงข้อมูลเงินเดือนของพนักงานในหน่วยงานราชการหรือองค์กรขนาดใหญ่
ทั้งหมดนี้จบในไม่กี่วินาที โดยที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลไม่ต้องทำอะไรเลยปลอดภัยกว่า เร็วกว่า และยังสอดคล้องกับ PDPA อีกด้วย

สำหรับหน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรขนาดใหญ่ ความท้าทายอยู่ที่ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของข้อมูลภายในองค์กร รวมถึงผลที่จะกระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน
- เจ้าหน้าที่: ต้องการเข้าถึงข้อมูลเงินเดือนของตนเองผ่าน Portal ของหน่วยงาน
- AI Chatbot: ทำหน้าที่เป็นด่านแรกในการยืนยันตัวตน (Identity Verification) และรับคำร้อง
- Chatbot สั่งงาน RPA: ส่งคำขอที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเข้าสู่ Automation Workflow
- RPA ดำเนินการ:
- ตรวจสอบสิทธิ์: RPA ล็อกอินเข้าระบบ HR เพื่อตรวจสอบว่าพนักงานคนนี้มีสิทธิ์ดูข้อมูลของตนเองหรือไม่
- ดึงข้อมูลอย่างปลอดภัย: RPA เข้าถึงฐานข้อมูลเงินเดือนและดึงข้อมูลเฉพาะของพนักงานคนนั้น (ไม่ใช่ของคนอื่น) เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)
- สร้างเอกสาร: RPA นำข้อมูลที่ได้มาสร้างเป็นไฟล์ PDF ที่มีการเข้ารหัสป้องกัน ตามที่ออกแบบไว้ของแต่ละองค์กร
- Chatbot แจ้งผล: ส่งไฟล์เอกสารที่ปลอดภัยกลับไปให้เจ้าหน้าที่คนนั้นในช่องทางที่ร้องขอ
กระบวนการนี้ไม่เพียงแค่ ลดขั้นตอนการทำงาน ของฝ่ายบุคคล แต่ยังยกระดับ ความปลอดภัยของข้อมูล แต่ยังช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับบริการภาครัฐดิจิทัล (Digital Government)
อนาคตของคุณเริ่มต้นได้วันนี้
RPA คือ “การลงมือทำ” ที่แม่นยำ
เมื่อคู่หูคู่นี้ทำงานร่วมกัน องค์กรของคุณจะสามารถมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายใน ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน และนี่...ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นการเดินทางสู่โลกแห่ง Automation เท่านั้น

บทความถัดไป เราจะพาไปดู use case ที่เจาะลึกมากขึ้น ทั้งในสายธุรกิจเฉพาะทาง และภาครัฐขนาดใหญ่ เพื่อให้เห็นว่าการใช้ AI Chatbot และ RPA ไม่ใช่แค่ "ทางเลือก" แต่คือ "ทางรอด" ของธุรกิจยุคใหม่